การที่เราจะเปิดร้านขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ยอดขายปัง ไม่หลงทิศหลงทางไปกับสินค้าบางอย่างที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ณ ปัจจุบันจะต้องรู้จักการทำรายงานยอดขายที่ดี และสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานนี้ให้เป็น เพราะจะเป็นใบเบิกทางสู่การพยากรยอดขาย การสต็อกสินค้า หรือกระทั่งรู้ว่าสินค้าอะไรที่กำลังได้รับความสนใจ สินค้าอะไรที่โดนใจผู้ซื้อ จะได้มีสินค้ามาเสิร์ฟให้กับบรรดาคุณลูกค้าได้ถูกกลุ่ม ถูกประเภทได้ด้วย
รายงานยอดขายคืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับธุรกิจ
รายงานยอดขาย คือ รายงานที่สรุปการขายสินค้าของธุรกิจว่า เราขายอะไรไปแล้วบ้าง ขายได้ราคาเท่าใด รวมเป็นเงินทั้งหมดเท่าใด เพื่อนำข้อมูลยอดขายในช่วงที่ผ่านมาไปวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตต่อว่าควรจะโฟกัสการขายสินค้าประเภทไหนดี แล้วสินค้าประเภทไหนที่ขายไม่ดี เราจะมีกลยุทธ์ยังไงต่อไปในการดึงลูกค้าจากสินค้าที่กำลังจะนำมาขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ถ้าไม่วิเคราะห์รายงานยอดขายให้ดีๆ อาจจะทำให้เสียโอกาสขายสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการและถูกคู่แข่งแซงหน้าจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ภายในพริบตา
วันนี้เราจะมาชวนเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ รวมไปถึงนักบัญชีมาทำความรู้จักรายงานยอดขายในรูปแบบต่างๆ พร้อมมุมมองการใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายนี้ไปพร้อมๆ กัน
ประเภทของรายงานยอดขายที่มักใช้กันในปัจจุบัน
การสรุปยอดขายตามช่วงเวลา
รายงานสรุปยอดขาย เป็นรายงานที่สรุปว่าในช่วงเวลาที่เราเลือกแต่ละช่วงเวลา เรามีการขายสินค้าอะไรบ้าง มูลค่าเป็นเท่าไร และสถานะการรับชำระเงินเป็นอย่างไร ซึ่งรายงานนี้เจ้าของธุรกิจจะสามารถใช้วิเคราะห์ความสามารถในการขายสำหรับช่วงเวลาที่สนใจได้ เช่น
- ช่วงที่ทำโปรโมชั่นขายของได้มากกว่าช่วงที่ไม่ทำโปรโมชั่นไหม เพื่อประเมินผลการทำโปรโมชั่นว่ามีประสิทธิภาพหรือเปล่า
- ช่วงสุดสัปดาห์ขายของได้ดีกว่าวันอื่นๆ หรือไม่
- วันใดในสัปดาห์มักจะขายของได้ดี
และในส่วนของนักบัญชีเอง ยังสามารถใช้รายงานยอดขายสอบยืนยันความถูกต้อง (Cross Check) ให้กับการบันทึกบัญชีในระบบเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการบันทึกรายได้อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีความจะเป็นมากที่นักบัญชีต้องรับรู้รายได้ให้ครบถ้วน เพื่อที่จะได้นำไปประเมินผลกำไรในอนาคตได้ด้วย
ยอดขายตามประเภทสินค้า
รายงานยอดขายตามประเภทสินค้า จะเป็นรายงานสรุปยอดขายที่จัดประเภทตามสินค้าว่า สินค้าแต่ละแบบขายได้จำนวนเท่าใด ราคาต่อหน่วยของสินค้าประเภทนั้นเป็นเท่าไร และยอดรวมการขายสินค้าแต่ละชนิดเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งรายงานนี้จะระบุช่วงเวลาที่เราต้องการเลือกดูได้ ว่าเป็นช่วงวันที่หรือเดือนตามแต่ที่เราต้องการ และเจ้าของธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายตามสินค้าได้ในหลายแง่มุม เช่น
- วิเคราะห์ได้ว่าช่วงเดือนที่ผ่านมา เราขายสินค้าอะไรได้ดีที่สุด
- วิเคราะห์เทรนด์การขายสินค้าว่าสินค้าแบบไหนกำลังมาแรงในช่วงนี้ หรือสินค้าแบบไหนที่ยอดขายลดลงไปบ้างในแต่ละช่วงเวลา
- วางแผนการสั่งซื้อสินค้าในล็อตถัดไปได้ง่ายขึ้น ทั้งจำนวน สี รูปแบบ ฯ หรือยกเลิกการสั่งสินค้าที่ขายไม่ดีเพื่อไม่ให้มีทุนไปจมกับสินค้าที่ไม่เป็นที่ต้องการได้
- วิเคราะห์เปรียบเทียบราคาสินค้าขายดีกับคู่แข่ง ซึ่งจะส่งผลให้เราสามารถปรับกลยุทธ์การขาย การจัดโปรโมชั่นหรือมองแนวโน้มตลาดว่ามีคู่แข่งที่ขายสินค้าเดียวกันเยอะหรือไม่ เราจะสู้ราคาไหวไหมเพื่อดึงลูกค้ากลับมา
และในส่วนของนักบัญชีเองอาจจะใช้รายงานยอดขายนี้วิเคราะห์ข้อมูลประกอบกับรายงานอื่นๆ เช่น
- เปรียบเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นว่าสินค้าที่ขายดี สามารถทำกำไรให้ธุรกิจเบื้องต้นจำนวนเท่าไร และมีสินค้าชนิดใดบ้างที่ควรจะเน้นการขาย เพื่อช่วยเพิ่มกำไรธุรกิจในภาพรวม
- เปรียบเทียบกับยอดสินค้าคงเหลือว่า สินค้าที่ขายได้ช้ายังมีสินค้าคงเหลือที่ต้องรีบระบายออกไหม
- เปรียบเทียบกับการตัดสินค้าในสต็อกคงคลังว่าตัดสินค้าถูกต้องไหม หรือจำเป็นต้องปรับปรุงบัญชีอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า
ยอดขายตามประเภทของลูกค้า
รายงานยอดขายตามลูกค้า เป็นรายงานอีกมุมมองหนึ่งนอกเหนือจากยอดขายตามช่วงเวลาและตามประเภทของสินค้า เพราะรายงานประเภทนี้จะช่วยให้เรามองเห็นว่าในช่วงเวลาที่เราขายสินค้าแบบใหม่ๆ มีลูกค้ารายใดบ้างที่ซื้อสินค้าของเรา ขายไปเมื่อวันไหน ขายได้จำนวนมากเท่าใดต่อคน และสถานะการรับชำระเงินเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องใช้การเก็บข้อมูลของลูกค้าเข้ามาช่วย เช่น ลูกค้าเพศอะไรที่ซื้อสินค้าชนิดนี้ อายุประมาณเท่าใดจึงจะเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ และเจ้าของธุรกิจใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ยอดขายตามลูกค้าได้ เช่น
- วิเคราะห์ว่าขายให้ลูกค้ารายใด/กลุ่มใดได้สูงที่สุด โดยอาจจะแบ่งตามช่วงอายุ การศึกษาหรือรายได้โดยเฉลี่ยของลูกค้า
- ลูกค้าเก่ามีแนวโน้มกลับมาซื้อสินค้าอีกไหม ถ้าหากเรามีการเปลี่ยนรูปแบบของสินค้า
- ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากที่ใด โดยอาจแบ่งง่ายๆ เป็นภูมิภาค สินค้าบางชนิดอาจจะเป็นที่ต้องการในภาคอีสานแต่ไม่เป็นที่ต้องการในภาคใต้ก็เป็นไปได้
- ลูกค้าที่มีสถานะรอเก็บเงิน หรือยกเลิกสินค้ามีจำนวนเท่าใด
ในส่วนของนักบัญชีเอง อาจจะช่วยวิเคราะห์เพิ่มเติมสำหรับเรื่องการรับชำระเงินว่า ในระบบหลังบ้านได้บันทึกรับชำระเงินจากลูกค้า Lazada และ Shopee อย่างครบถ้วนหรือยัง เมื่อเทียบกับ Bank Statement และมีลูกค้ารายใดที่มีปัญหาบ้าง
ยอดขายตามพนักงานขาย
นอกจากนี้สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีจำนวนพนักงานแอดมินหรือเซลล์หลายคนจากหลายช่องทางแล้ว ยังสามารถทำเป็นรายงานยอดขายตามพนักงานเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถดูได้ว่าพนักงานแต่ละคนสามารถทำยอดขายได้จำนวนเท่าใด เปิดบิลเลขที่เท่าไร แต่ละคนมีความสามารถในการปิดดีลกับลูกค้าได้ดีหรือไม่ และมีสถานะเก็บเงินแล้วหรือยัง ซึ่งจะช่วยเจ้าของธุรกิจได้ เช่น
- สามารถประเมินศักยภาพของพนักงานขายแต่ละคนได้ว่า มียอดขายเป็นอย่างไรบ้างในแต่ละเดือน
- ควรเพิ่มหรือลดพนักงานขายให้สอดคล้องกับยอดขายที่เกิดขึ้นจริง
- ช่วยให้สามารถออกแบบสร้างหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานขายได้อย่างตรงจุด
- ลดข้อครหาในเรื่องผลประโยชน์ระหว่างกัน
โดยสรุปแล้ว แม้ว่าการขายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะทำให้เจ้าของธุรกิจมีช่องทางการขายที่มากขึ้นและรับลูกค้าได้สะดวกขึ้น แต่สุดท้ายแล้วในทุกๆ การขายต้องมีการวิเคราะห์และทบทวนอยู่เสมอว่า เราทำได้ดีแล้วหรือยัง ทั้งในแง่ของยอดขายรายวัน ยอดขายตามประเภทสินค้า รวมไปถึงยอดขายที่เกิดขุ้นของเราลูกค้ากลุ่มใดที่เป็นเป้าหมายหลัก ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายอย่างเต็มที่ อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า จะวางกลยุทธ์การขายได้ดีขึ้นในอนาคตได้อย่างไรอย่างแน่นอน