Author name: somphol

เป็นแม้ค้าขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?

ในทุกวันนี้เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าการมีช่องทางขายของออนไลน์ทำให้เกิดพ่อค้า-แม่ค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ประสบความสำเร็จ ทำเป็นอาชีพหลัก และบางรายที่เป็นพ่อค้า-แม่ค้าที่ทำเล่นๆ หารายได้เสริมจากงานประจำที่ทำอยู่แล้ว แต่ทุกท่านอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่า การจะเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นต้องทำอย่างไร จดทะเบียนอะไรบ้าง หรือต้องเสียภาษียังไง ในบทความนี้เราจะไขข้อสงสัยให้ทุกท่านได้ทราบกัน โดยสิ่งที่พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ต้องทำจะมีดังนี้ จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กิจการแบบไหนบ้างที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในการจะจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้นั้น เราต้องมาทราบกันก่อนว่าร้านค้าของเราเข้าข่ายที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ ซึ่งมีอยู่ 4 ประเภทธุรกิจที่ต้องไปดำเนินการ ดังนี้ ช่องทางการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในขั้นตอนแรที่จะต้องทำเลยเมื่อเราตัดสินในที่จะเป็นพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ที่ถูกต้องและเป็นร้านค้าที่ถูกกำหนดให้ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ก็คือการขึ้นทะเบียนให้ทางภาครัฐได้ทราบว่าเราจะขายสินค้าทางช่องทางออนไลน์แล้วนะ ซึ่งในการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น เราสามารถลงทะเบียนได้ง่ายๆ 2 ช่องทางก็คือ โดยทั้ง 2 ช่องทางนี้เราสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเองหรือผ่านการใช้บริการต่างๆ ได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ภายใน 1 วันถ้าหากเราเตรียมตัว เตรียมเอกสารครบถ้วนถูกต้อง ข้อดีของการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การที่หน้าเว็บไซต์มีสัญลักษณ์ DBD Registration จะช่วยให้ร้านค้าของเราเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นได้ เมื่อมีลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บของร้านเราแล้วเห็นสัญลักษณ์นี้ ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อถือได้มากขึ้น เพราะมีรัฐบาลรับรองการมีอยู่ของร้านค้าออนไลน์ตามกฎหมาย และทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าจากร้านค้าของเราได้อย่ามั่นใจมากยิ่งขึ้น ร้านค้าที่ได้รับการจดทะเบียนพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะนำรายชื่อร้านค้าไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ร้านค้าของเราด้วย และยังเป็นการการันตีว่าร้านค้านั้นผ่านการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เรียบร้อยแล้วนั่นเอง กิจการหรือธุรกิจที่ได้รับการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว จะสามารถยื่นขอใช้เครื่องหมาย DBD Verified ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าเครื่องหมาย DBD Registered ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะออกให้เฉพาะร้านค้าที่มีคุณภาพถูกหลักที่กรมกำหนดเท่านั้น จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้าหรือการให้บริการต่าง ๆ ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราต้องเป็นบริษัทฯ เท่านั้น เราเป็นร้านค้าปกติก็ต้องจดทะเบียนด้วยเมื่อมีรายได้ในปีนั้นเกินกว่า 1.8 ล้านบาทยกเว้นว่าเราจะขายสินค้าที่ได้รับการยกเว้นซึ่งไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั่นเอง ช่องทางการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อเราประเมินแล้วว่าร้านค้าออนไลน์ของเรานั้นมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทภายในสิ้นปีแน่ๆ เราในฐานะพ่อค้า-แม่ค้าเงินล้านต้องทำก็คือการเดินทางไปที่กรมสรรพากรในพื้นที่ของเราเอง และเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรว่าต้องการขึ้นทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยใช้แบบฟอร์มที่มีชื่อเรียนว่า ภ.พ.01 ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะแจ้งกับเราว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในกรณีที่เป็นร้านค้าออนไลน์ เรามีหน้าที่แค่ส่งเอกสารต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการให้กับเราได้เลย รูบแบบของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถือว่าเป็นภาษีทางอ้อมของพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ เพราะเราจะต้องเรียนเก็บภาษีเพิ่มเติมจากมูลค่าสินค้าที่เราขายให้กับลูกค้าในอัตรา 7% โดยจะเรียกแตกต่างกันทั้งฝั่งผู้ขายและผู้ซื้อว่า หน้าที่ของร้านค้าเมื่อขึ้นทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หน้าที่ของพ่อค้า-แม้ค้าออนไลน์ต้องทำในแต่ละเดือนก็คือการรวมรวมเอกสารที่มีภาษีซื้อและภาษีขายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของเรา ให้กับทางกรมสรรพากรได้รู้ ซึ่งจะต้องสรุปยอดเพื่อนำส่งส่วนต่างระหว่างภาษีซื้อและภาษีขายให้กับทางกรมสรรพากร โดยจะมีอยู่ 3 กรณีคือ กำหนดเวลา พ่อค้า-แม่ค้าอย่างเรามีหน้าที่ต้องยื่นแบบภ.พ. 30 พร้อมชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) เป็นรายเดือนทุกเดือนภาษีไม่ว่าจะมีการขายสินค้าหรือให้บริการในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม โดยให้ยื่นแบบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปในกรณีนำส่งที่กรมสรรพากรพื้นที่ แต่สำหรับเราที่ทำธุรกรรมออนไลน์เป็นหลักแล้ว การยื่นแบบภ.พ. 30 ผ่านช่องทางออนไลน์จะได้รับสิทธิพิเศษเป็นการขยายเวลาให้อีก 7 วันอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการจะเป็นพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ที่ขึ้นทะเบียนพาณิชย์อย่างถูกต้องนั้นไม่ยากเลย เราจึงอยากให้ทุกท่านได้ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้ถูกต้องเพื่อที่จะได้เป็นเกราะกำบังให้กับเราได้ อย่าให้ความไม่รู้มาเป็นคำที่ถูกใช้มาเล่นงานตัวเอง เพียงเท่านี้การเป็นพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ของเราก็สามารถสะบายใจหายห่วงได้ระดับนึงแล้ว

เป็นแม้ค้าขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง? Read More »

รายงานยอดขาย สิ่งที่ E-Commerce ไม่ควรลืม

การที่เราจะเปิดร้านขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ยอดขายปัง ไม่หลงทิศหลงทางไปกับสินค้าบางอย่างที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ณ ปัจจุบันจะต้องรู้จักการทำรายงานยอดขายที่ดี และสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานนี้ให้เป็น เพราะจะเป็นใบเบิกทางสู่การพยากรยอดขาย การสต็อกสินค้า หรือกระทั่งรู้ว่าสินค้าอะไรที่กำลังได้รับความสนใจ สินค้าอะไรที่โดนใจผู้ซื้อ จะได้มีสินค้ามาเสิร์ฟให้กับบรรดาคุณลูกค้าได้ถูกกลุ่ม ถูกประเภทได้ด้วย รายงานยอดขายคืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับธุรกิจ รายงานยอดขาย คือ รายงานที่สรุปการขายสินค้าของธุรกิจว่า เราขายอะไรไปแล้วบ้าง ขายได้ราคาเท่าใด รวมเป็นเงินทั้งหมดเท่าใด เพื่อนำข้อมูลยอดขายในช่วงที่ผ่านมาไปวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตต่อว่าควรจะโฟกัสการขายสินค้าประเภทไหนดี แล้วสินค้าประเภทไหนที่ขายไม่ดี เราจะมีกลยุทธ์ยังไงต่อไปในการดึงลูกค้าจากสินค้าที่กำลังจะนำมาขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ถ้าไม่วิเคราะห์รายงานยอดขายให้ดีๆ อาจจะทำให้เสียโอกาสขายสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการและถูกคู่แข่งแซงหน้าจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ภายในพริบตา วันนี้เราจะมาชวนเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ รวมไปถึงนักบัญชีมาทำความรู้จักรายงานยอดขายในรูปแบบต่างๆ พร้อมมุมมองการใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายนี้ไปพร้อมๆ กัน ประเภทของรายงานยอดขายที่มักใช้กันในปัจจุบัน การสรุปยอดขายตามช่วงเวลา รายงานสรุปยอดขาย เป็นรายงานที่สรุปว่าในช่วงเวลาที่เราเลือกแต่ละช่วงเวลา เรามีการขายสินค้าอะไรบ้าง มูลค่าเป็นเท่าไร และสถานะการรับชำระเงินเป็นอย่างไร ซึ่งรายงานนี้เจ้าของธุรกิจจะสามารถใช้วิเคราะห์ความสามารถในการขายสำหรับช่วงเวลาที่สนใจได้ เช่น และในส่วนของนักบัญชีเอง ยังสามารถใช้รายงานยอดขายสอบยืนยันความถูกต้อง (Cross Check) ให้กับการบันทึกบัญชีในระบบเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการบันทึกรายได้อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีความจะเป็นมากที่นักบัญชีต้องรับรู้รายได้ให้ครบถ้วน เพื่อที่จะได้นำไปประเมินผลกำไรในอนาคตได้ด้วย ยอดขายตามประเภทสินค้า รายงานยอดขายตามประเภทสินค้า จะเป็นรายงานสรุปยอดขายที่จัดประเภทตามสินค้าว่า สินค้าแต่ละแบบขายได้จำนวนเท่าใด ราคาต่อหน่วยของสินค้าประเภทนั้นเป็นเท่าไร และยอดรวมการขายสินค้าแต่ละชนิดเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งรายงานนี้จะระบุช่วงเวลาที่เราต้องการเลือกดูได้ ว่าเป็นช่วงวันที่หรือเดือนตามแต่ที่เราต้องการ และเจ้าของธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายตามสินค้าได้ในหลายแง่มุม เช่น และในส่วนของนักบัญชีเองอาจจะใช้รายงานยอดขายนี้วิเคราะห์ข้อมูลประกอบกับรายงานอื่นๆ เช่น ยอดขายตามประเภทของลูกค้า รายงานยอดขายตามลูกค้า เป็นรายงานอีกมุมมองหนึ่งนอกเหนือจากยอดขายตามช่วงเวลาและตามประเภทของสินค้า เพราะรายงานประเภทนี้จะช่วยให้เรามองเห็นว่าในช่วงเวลาที่เราขายสินค้าแบบใหม่ๆ มีลูกค้ารายใดบ้างที่ซื้อสินค้าของเรา ขายไปเมื่อวันไหน ขายได้จำนวนมากเท่าใดต่อคน และสถานะการรับชำระเงินเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องใช้การเก็บข้อมูลของลูกค้าเข้ามาช่วย เช่น ลูกค้าเพศอะไรที่ซื้อสินค้าชนิดนี้ อายุประมาณเท่าใดจึงจะเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ และเจ้าของธุรกิจใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ยอดขายตามลูกค้าได้ เช่น ในส่วนของนักบัญชีเอง อาจจะช่วยวิเคราะห์เพิ่มเติมสำหรับเรื่องการรับชำระเงินว่า ในระบบหลังบ้านได้บันทึกรับชำระเงินจากลูกค้า Lazada และ Shopee อย่างครบถ้วนหรือยัง เมื่อเทียบกับ Bank Statement และมีลูกค้ารายใดที่มีปัญหาบ้าง ยอดขายตามพนักงานขาย นอกจากนี้สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีจำนวนพนักงานแอดมินหรือเซลล์หลายคนจากหลายช่องทางแล้ว ยังสามารถทำเป็นรายงานยอดขายตามพนักงานเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถดูได้ว่าพนักงานแต่ละคนสามารถทำยอดขายได้จำนวนเท่าใด เปิดบิลเลขที่เท่าไร แต่ละคนมีความสามารถในการปิดดีลกับลูกค้าได้ดีหรือไม่ และมีสถานะเก็บเงินแล้วหรือยัง ซึ่งจะช่วยเจ้าของธุรกิจได้ เช่น โดยสรุปแล้ว แม้ว่าการขายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะทำให้เจ้าของธุรกิจมีช่องทางการขายที่มากขึ้นและรับลูกค้าได้สะดวกขึ้น แต่สุดท้ายแล้วในทุกๆ การขายต้องมีการวิเคราะห์และทบทวนอยู่เสมอว่า เราทำได้ดีแล้วหรือยัง ทั้งในแง่ของยอดขายรายวัน ยอดขายตามประเภทสินค้า รวมไปถึงยอดขายที่เกิดขุ้นของเราลูกค้ากลุ่มใดที่เป็นเป้าหมายหลัก ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากรายงานยอดขายอย่างเต็มที่ อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า จะวางกลยุทธ์การขายได้ดีขึ้นในอนาคตได้อย่างไรอย่างแน่นอน

รายงานยอดขาย สิ่งที่ E-Commerce ไม่ควรลืม Read More »

เลือกสำนักงานบัญชีอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

สำหรับผู้ประกอบการ SME’s หลายๆ ท่านนั้น มักจะนิยมจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำบัญชีเอง หรือต้องจ้างพนักงานบัญชีประจำของกิจการเอง เพราะถึงแม้ว่าตัวกิจการเองจะสามารถจัดทำเอกสารทางธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็น ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี หรือใบเสร็จรับเงินก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ที่ต้องมีการปิดบัญชี การตรวจสอบความถูกต้องทางบัญชีและภาษีนั้น ยังจำเป็นจะต้องมีนักบัญชีที่ขึ้นทะเบียนกับทางสภาวิชาชีพบัญชีรับรองมาลงนามรับรองงบการเงินและรายงานภาษีประจำปีตามกฎหมายอยู่ดี ดังนั้นการจ้างสำนักงานบัญชีจึงมีความสำคัญสำหรับกิจการอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้ ซึ่งการเลือกใช้สำนักงานบัญชีที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวกิจการเอง หรือบรรดาผู้บริหารเองด้วยเช่นกัน ซึ่งการเลือกสำนักงานบัญชีที่ตอบโจทย์ในการนำส่งงบการเงินและแบบแสดงรายการทางภาษี และมีทั้งความคุ้มค่ากับค่าทำบัญชีที่จ่ายไปด้วย หน้าที่โดยทั่วไปของสำนักงานบัญชี สำหรับหน้าที่หลักๆ ที่สำนักงานบัญชีในปัจจุบันนั้นให้ความสำคัญกับการบริการแก่ลูกค้ามักจะเน้นไปที่ 3 เรื่องหลักๆ ดังนี้ ประโยชน์ของการใช้สำนักงานบัญชี เมื่อเราได้ทราบหน้าที่หลักๆ ของสำนักงานบัญชีกันแล้ว หัวข้อนี้เราจะมาสรุปประโยชน์ของสำนักงานบัญชีทั้ง 5 ข้อให้แก่ผู้ประกอบการที่ยังลังเลว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและกิจการได้อย่างไร ดังนี้ 4 เรื่องในการเลือกสำนักงานบัญชี ที่เจ้าของกิจการต้องนำมาพิจารณา คุณสมบัติของสำนักงานบัญชี ทางสำนักงานบัญชีที่ผู้ประกอบการสนใจนั้น สามารถจัดตั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนหรือแม่แต่อยู่ในรูปแบบของบริษัทก็ได้ แต่สิ่งที่จำเป็นก็คือสำนักงานบัญชีจำเป็นต้องมี นั่นคือผู้ทำบัญชี ซึ่งจะเป็นผู้ที่จะมาลงนามรับรอง นำส่งงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยผู้ทำบัญชีจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญที่ทางสภาวิชาชีพกำหนดไว้ ทั้งวุฒิการศึกษาที่ทางสภาฯรับรองหลักสูตรไว้ หลักเกณฑ์เบื้องต้นนี้สามารถเป็นการคัดกรองคุณสมบัติของสำนักงานบัญชีเองได้เลยทีเดียว จริยธรรมในที่นี้หมายถึงความซื่อสัตย์ของสำนักงานบัญชี ซึ่งแท้ที่จริงแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากในการประเมินคุณสมบัติข้อนี้ของสำนักงานบัญชี ผู้ประกอบการอาจจะเคยได้ยินว่ามีลูกค้าของสำนักงานบัญชีบางรายโดนสำนักงานบัญชีโกงเงินค่าภาษี เมื่อโอนเงินค่าภาษีให้สำนักงานบัญชีไปแล้ว แต่สำนักงานบัญชีไม่นำไปจ่ายกรมสรรพากร ในการพิจารณาความซื่อสัตย์ของสำนักงานบัญชี ให้ดูว่าสำนักงานบัญชีมีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งหรือไม่ อย่าหลงเชื่อเว็บไซต์ที่สวยงาม โดยในการเซ็นตกลงราคาควรนัดเซ็นที่สำนักงานบัญชี หรือในระหว่างการใช้บริการอาจสุ่มขอดูใบเสร็จค่าภาษีหรือใช้วิธีให้สำนักงานบัญชีส่งเอกสาร pay slip มาให้ผู้ประกอบการนำไปชำระภาษีเอง ในการเลือกสำนักงานบัญชี หากเป็นไปได้เจ้าของกิจการควรจะพิจารณาระบบการทำงานของสำนักงานบัญชี ว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น มีเอกสารใดบ้างที่ต้องส่ง กำหนดการส่งเอกสารเมื่อไร และที่สำคัญควรสอบถามกำหนดการยื่นแบบภาษีและการนำส่งงบการเงินประจำปี เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับอาญา เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม รวมทั้งควรสอบถามรายงานที่กิจการจะได้รับในแต่ละเดือน หรือแต่ละปี ก็จะช่วยให้เราประเมินประสิทธิภาพในการทำงานของสำนักงานบัญชีก่อนการตัดสินใจเลือกใช้บริการ บริการของสำนักงานบัญชี โดยทั่วไปแล้วทางสำนักงานบัญชีจะให้บริการในการทำบัญชี ปิดงบ จัดทำงบการเงินประจำปี การยื่นประกันสังคมและยื่นแบบภาษีเป็นหลัก แต่ถ้าสำนักงานบัญชีมีบริการที่ครบวงจรหรือมีสำนักงานที่เป็นพันธมิตร จะช่วยให้งานบริการต่างๆ ทั้งการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเรื่องต่างๆ ที่เราต้องการ เช่น การเพิ่ม-ลดทุน การเปลี่ยนแปลงกรรมการ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของบริษัท เป็นต้น การวางระบบบัญชี การวางแผนภาษี การจัดทำเงินเดือน การจัดทำรายงานสินค้าคงเหลือ ก็จะเป็นการสะดวกสำหรับเจ้าของกิจการ ที่ไม่ต้องจัดทำเอกสารด้วยตัวเองและโยนภาระงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจนจบกระบวนการให้แก่สำนักงานบัญชีได้เลย ราคาค่าบริการทำบัญชี สำหรับค่าบริการในการทำบัญชีนั้น ผู้ประกอบการควรพิจารณาราคาที่เหมาะสมกับบริการที่ได้จะรับ โดยในปัจจุบันมีสำนักงานทางบัญชีที่ให้บริการเป็นจำนวนมากและมีการแข่งขันกันทางด้านราคาค่าบริการ ผู้ประกอบการไม่ควรเลือกสำนักงานบัญชีที่คิดราคาค่าบริการที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเลือกสำนักงานบัญชีที่คิดราคาค่าบริการที่เหมาะสมและพิจารณาที่คุณภาพของงานที่ให้บริการเป็นหลัก ในการตกลงค่าบริการทำบัญชีกับสำนักงานบัญชี ทางกิจการเองควรจะสอบถามให้ชัดเจนว่า ค่าบริการทำบัญชีรวมบริการอะไรบ้าง อย่างในกรณีที่กิจการถูกกรมสรรพากรเรียกตรวจสอบภาษี ได้รวมค่าที่ปรึกษาและการที่สำนักงานบัญชีเป็นตัวแทนเข้าพบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรด้วยหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ยังไม่รวมบริการดังกล่าวเข้าไปกับค่าบริการที่ตกลงกันไว้ ทางฝั่งสำนักงานบัญชีจะคิดอัตราค่าบริการในกรณีนี้อย่างไร ถ้ากรณีดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของสำนักงานบัญชี ทางสำนักงานบัญชีจะร่วมรับผิดชอบกับกิจการหรือไม่ จึงควรมีการตกลงในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน และที่สำคัญผู้ประกอบการควรมีการตกลงราคาค่าบริการและบริการที่จะได้รับกับสำนักงานบัญชีเป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้สำนักงานบัญชีจัดทำข้อเสนอราคาและมีการลงนามทั้งสองฝ่ายด้วย เพื่อความชัดเจน โปรแกรมบัญชีที่สำนักงานบัญชีใช้ ในการเลือกใช้บริการสำนักงานบัญชี อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ผู้ประกอบการคำนึงถึง ก็คือ โปรแกรมบัญชีที่สำนักงานบัญชีนั้นใช้ ควรเป็นโปรแกรมบัญชีที่เหมาะกับธุรกิจของกิจการของเราด้วย ซึ่งควรจะมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการและสำนักงานบัญชี การใช้โปรแกรมบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของเราจะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น การมองหาสำนักงานบัญชีที่ใช้โปรแกรมบัญชีดังกล่าวได้จะช่วยให้ไม่เกิดความผิดพลาดในการจัดทำบัญชีและภาษีได้อีกด้วย ทั้งนี้จะให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ควรพิจารณาว่าโปรแกรมดังกล่าวนั้นสามารถทำงานออนไลน์ได้หรือไม่ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การจัดการบัญชีมีความสะดวกรวดเร็ว ยังช่วยให้กิจการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อซื้อซอฟต์แวร์ที่อาจจะไม่ตอบโจทย์และต้องเสียงเงินหลายรอบเพื่อซื้อหลายโปรแกรม ทั้งยังช่วยให้ประหยัดค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ไอที ระบบสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันระบบล่ม การติดไวรัสหรือข้อมูลสูญหาย รวมทั้งการป้องกันการแก้ไขข้อมูลจากผู้ใช้งานที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าใช้งานด้วย จากที่กล่าวมานั้นทั้ง 4 แนวทางในการพิจารณาก่อนการตัดสินใจเลือกใช้บริการสำนักงานบัญชี จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ เพื่อให้ได้รับบริการที่ครบถ้วน เหมาะสม คุ้มค่ากับราคาค่าบริการที่จ่าย ได้รับบริการจากสำนักงานบัญชีที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งทางกฎหมาย มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ตรงกับธุรกิจ มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการใช้โปรแกรมบัญชีที่ทันสมัยและเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ ซึ่งจะทำให้การจัดทำบัญชีและภาษีมีความถูกต้อง ช่วยลดความผิดพลาด ลดประเด็นปัญหาทางบัญชีและภาษี กิจการไม่เสี่ยงต่อการเสียค่าปรับ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ที่สำคัญคือผู้ประกอบการสามารถเรียกดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ทุกที่ทุกเวลา ข้อมูลมีความถูกต้องนำไปใช้ในการวิเคราะห์ตัดสินใจเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรและนำไปสู่การเติบโตในอนาคต

เลือกสำนักงานบัญชีอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด Read More »

Scroll to Top